เมื่อเราไม่สบายยังต้องหาหมอเฉพาะทางรักษาและทานยาให้ถูกโรค ไม่ทานยาแบบลองผิดลองถูก เช่น ถ้าหากเราปวดศรีษะ
แต่ไปซื้อยาธาตุน้ำขาวมากินเพื่อรักษาก็คงไม่หาย ดวงตาและการมองเห็นก็เช่นกันเป็นสุขภาพที่สำคัญอย่างนึงที่ควรดูแลรักษา
ได้รับการตรวจเช็คอย่างถูกต้อง ช่วงนี้เจอหลายๆเคส ที่ใส่แว่นสำเร็จรูป ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าน่าจะใส่เป็นแว่นที่มีค่าสายตายาวสำหรับอ่านหนังสือแบบสำเร็จทั่วไปซื้อมาใช้แค่เวลาอ่านหนังสือหรือดูโทรศัพท์ชั่วคราว
แต่…ก็แอบตกใจ เพราะได้เจอหลายหลายเคสเลยที่มีอายุน้อย สายตาสั้นจนถึงสั้นมาก แต่เลือกซื้อแว่นสำเร็จจากตลาดมาใส่ตลอด
ซึ่งมีหลายค่าสายตาสำเร็จให้เลือกทั้งแบบสายตาสั้นและสายตายาว และคนขายบอกว่ามีคุณสมบัติกรองแสงสีฟ้าบ้างแหละ ออกแดดเปลี่ยนสีด้วยก็ยังมี
คุณภาพการมองเห็นไม่ดี…ส่งผลต่องานมากกว่าที่คิด
เพราะดวงตาของเรา คือเครื่องมือทำงานที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่ง
หลายคนคิดว่าการ “มองเห็นพอใช้ได้” ก็ถือว่าโอเคแล้ว
ขอแค่ “ไม่ถึงกับมองไม่เห็น” งานก็น่าจะทำได้ตามปกติ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว…ปัญหาการมองเห็นเพียงเล็กน้อย ส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าที่เราคิดหลายเท่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องใช้สายตาตลอดทั้งวัน เช่น
- งานหน้าคอมพิวเตอร์
- งานเอกสาร
- งานออกแบบ
- งานที่ต้องขับรถ
- งานช่าง งานละเอียด
เมื่อการมองเห็นไม่เต็มประสิทธิภาพ…ร่างกายของเราจะ “ชดเชย” โดยอัตโนมัติ และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่
และจากการสอบถามซักประวัติว่า ทำไมถึงเลือกใส่รู้ได้อย่างไงว่าสายตาตัวเองเท่าไร คนไข้หลายท่านตอบว่า ไม่รู้หรอกว่าสายตาเท่าไร รู้สึกมองไม่ชัดจึงไปเลือกซื้อ อันไหนชัดขึ้น ก็เอาอันนั้น เมื่อมาซื้อครั้งต่อไปคนขายหยิบค่าสายตาที่เพิ่มขึ้นให้ลองใส่เปรียบเทียบดูอันไหนชัดกว่าก็เอาอันนั้น
เมื่อถามต่อไปว่าใส่แล้วเป็นอย่างไร ก็มีอาการล้าตาบ้างเวลาใส่ ไม่สบายตาบ้าง ปวดศรีษะบ้าง
และบางท่านก็บอกว่าไม่ชัดหรอกแต่แค่ใส่แล้วชัดกว่าไม่ใส่นิดนึงก็เลยใส่ๆไป บางท่านก็บอว่าเอาไว้ใส่แวลาดูหนังสือกับใช้มือถือ แต่ใส่ได้แปปๆก็ต้องถอดมันมัวๆงงๆ บางท่านก็บอกว่าถูกดีเลยซื้อมาเป็นโหลๆแล้ววางๆไว้ใส่
และมีหลายๆท่านเข้ามาถามหาซื้อแว่นตาสำเร็จรูป ซึ่งทางร้านไม่แนะนำให้ใช้แว่นสำเร็จรูปและไม่นำมาขายด้วย
-สายตาของคนเรามีความแตกต่างกัน แม้แต่สายตา2ข้าง ของเราเองยังไม่เท่ากันเลย
-ระยะห่างของจุดกึ่งกลางตาดำของคนเราก็ไม่เท่ากัน กว่าทางร้านจะจ่ายค่าสายตาให้คนไข้แต่ละคนได้ ยังต้องมีการวัดอย่างละเอียดหลายขั้นตอน
-กรอบแว่นตาต้องแข็งแรงปรับดัดให้พอดีเข้ากับใบหน้าเวลาสวมใส่
-เลนส์แต่ละคู่ที่ถูกผลิตออกมายังต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานหลายขั้นตอน
และตรวจสอบจุดCenter ก่อนทุกครั้งว่าตรงไหม กว่าจะนำมาส่งคนไข้ได้ ก็ต้องตรวจสอบกันหลายขั้นตอน
-เมื่อรับไปแล้วยังต้องมีการติดตามผลอีกด้วย วันนี้จึงอยากบอกเหตุผล

แบบสรุปสั้นๆว่าทำไมไม่ควรใส่แว่นสำเร็จรูป และทำไมเราถึงไม่แนะนำอย่างยิ่ง
-เลนส์ไม่มีประสิทธิภาพ มักทำจากพลาสติกที่ไม่มีความใสเลย แถมยังเป็นรอยขีดข่วนเพิ่มขึ้นได้ง่ายอีก
-ค่าสายตาไม่ตรงกับค่าสายตาที่แท้จริงของเรา ถ้าหากลองผิดลองถูกแล้วเลือกค่าสายตาที่มากกว่าสายตาเรา
ยิ่งส่งผลเสียต่อระบบการเพ่ง ยิ่งส่งผลเสียมากในคนอายุน้อย
-จุดCenterไม่ตรงกับตาเราเกิด Prism effect ที่เราไม่ต้องการ

Prism Effect คือภาวะที่ภาพที่มองเห็น “ถูกเบี่ยงตำแหน่ง” โดยไม่ได้ตั้งใจให้มี
เกิดจากการที่ดวงตาได้รับแสงผ่านเลนส์ที่ จุดกึ่งกลางเลนส์ (Optical Center) ไม่ตรงกับจุดกึ่งกลางตาดำของเรา
เมื่อเลนส์ชดเชยแสงผิดตำแหน่ง
สมองจะรับภาพที่ “เหลื่อม–เอียง–เพี้ยน” โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะใช้เลนส์ปริซึมเลยค่ะ
ทำไม Prism Effect ถึงเป็นปัญหา?
เพราะมันทำให้ระบบการมองเห็นทำงานหนักกว่าปกติ
ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น
- เวียนศีรษะ
- มึนงง
- ล้าตา ปวดตา
- มองภาพแล้วรู้สึกว่าวัตถุ “ขยับ–เบลอ–ซ้อน”
- กะระยะผิดพลาด เดินสะดุดง่าย
- ปวดศีรษะ โดยเฉพาะช่วงขมับหรือท้ายทอย
- ใส่แว่นแล้วรู้สึกไม่สบายตา แม้ค่าสายตาจะดู “ถูกต้อง”
สรุปง่าย ๆ → ภาพที่เข้าตาเราไม่เป็นธรรมชาติ จนสมองต้องพยายามชดเชยตลอดเวลา
Prism Effect เกิดจากอะไร?
สาเหตุใหญ่ที่สุดคือ เลนส์ที่ไม่ได้วัดจุด Optical Center อย่างถูกต้อง
โดยเฉพาะ:
1) แว่นสำเร็จรูป
- จุด Center ถูกทำ “กลางเลนส์แบบเท่ากันทุกอัน”
- แต่ดวงตาแต่ละคนไม่เท่ากัน → เลนส์จึงไม่ตรงกับตา
→ เกิด Prism โดยไม่ตั้งใจ
2) แว่นที่ปรับดัดไม่ดี
- กรอบเบี้ยว
- ขาแว่นไม่เท่ากัน
- แว่นเอียงผิดองศา
→ Optical Center เคลื่อนจากตำแหน่งจริง
3) จ่ายค่าสายตาผิด
- เลนส์มีค่าสายตาสูง แต่จุด Center ไม่ตรง
→ ยิ่งค่าสายตามาก → ยิ่งเกิด Prism มาก
-กรอบแว่นไม่ได้มาตรฐาน มีความเบี้ยวเอียงและหักง่าย
หากทนใช้ไปเรื่อยๆมีแต่ส่งผลเสียต่อต่างๆต่อตาเราและสุขภาพของเราทางอ้อม เช่นปวดศรีษะ มึนงง
อย่าทนใช้ต่อไปเพียงเพราะหาซื้อง่ายและราคาถูก อยากให้คำนึงถึงสุขภาพในระยะยาวมากกว่านะคะ
เลือกเสื้อผ้ารองเท้าเรายังเลือกให้พอดีกับตัวแล้วทำไมเราถึงไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการมองเห็นของเราล่ะคะ
เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ
เราเลือกเสื้อผ้า รองเท้า ยังต้องเลือก “ให้พอดีตัว”
แล้วทำไมเราถึงไม่เลือก “แว่นที่พอดีกับสายตา” ของเราบ้างล่ะคะ?
เพราะการมองเห็นที่ชัดเจน…คือพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดีจริง ๆ
ทำไมคลินิกสายตาของเราต้อง “วัด PD และ Center” อย่างละเอียด?
เพราะ PD (ระยะห่างของตาดำ) และตำแหน่งจุดศูนย์กลางของเลนส์คือหัวใจของการจ่ายแว่นที่ถูกต้อง
การวาง Center ผิดเพียง 1-2 มม. ก็ทำให้เกิด Prism ได้แล้วค่ะ
ยิ่งเลนส์ค่าสูงยิ่งส่งผลมาก
Divine eye vision ของเรา จึงทำตามขั้นตอนดังนี้:
✔ วัด PD และ Height แบบละเอียด
✔ เช็กตำแหน่งกรอบขณะสวมจริง
✔ ปรับดัดให้พอดีกับใบหน้า
✔ ตรวจซ้ำก่อนส่งมอบ
✔ ติดตามผลหลังใช้งาน
เพื่อให้มั่นใจว่า ภาพที่เข้าตา คือภาพที่สมองต้องการจริง ๆ ไม่ใช่ภาพที่ถูกบิดเบือน


